ตลาดน้ำผลไม้ในอิตาลี
การบริโภคผักผลไม้กระป๋องและแปรรูปในอิตาลีมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากชาวอิตาเลี่ยนนิยมบริโภคผักผลไม้กระป๋องและแปรรูปอิตาลีเป็นผู้ผลิตผักผลไม้ดองที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป ในส่วนการน้ำเข้าไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าว มายังอิตาลีเป็นอันดับแรกเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่นในประเทศแถบเอเชีย
การบริโภค
อิตาลีมีการบริโภคผักผลไม้กระป๋องและแปรรูปเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป (อันดับหนึ่งและสองคือ สหราชอาณาจักรและเยอรมัน ตามลำดับ) ในปี 2552 อิตาลีบริโภคผักผลไม้กระป๋องและแปรรูป 76 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรป 59 กิโลกรัมต่อคน โดยมีมูลค่าการบริโภคผักผลไม้กระป๋องและแปรรูปรวม (ภาคอุตสาหกรรมและความต้องการของผู้บริโภค) 5 ล้านตันหรือมีมูลค่า 5.5 พันล้านยูโร
การผลิต
อิตาลีเป็นผู้ผลิตผักและผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรปโดยผลิตได้ 6.4 ล้านตันหรือมูลค่า 6.4 พันล้านยูโรในปี 2552 โดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตน้ำส้มเข้มข้น มะนาวและส้ม ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลีและในเกาะซิซิลี ส่วนผู้ผลิตน้ำแอปเปิ้ลเข้มข้นส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ
แนวโน้มการบริโภค
ในปี 2552 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอิตาลีเริ่มดีขึ้นเพราะมีการลดราคาสินค้าตาลงตั้งแต่ปี 2551 ทาให้อัตราดอกเบี้ยตาและอัตราเงินเฟ้อลดลง อย่างไรก็ตามหากอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นในช่วง 2553 จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและรูปแบบการใช้จ่ายเงินชาวอิตาเลี่ยนมีความภาคภูมิใจอาหารอิตาลีและมีความนิยมในอาหารที่ผลิตได้ในประเทศ โดยผู้บริโภคอิตาลีส่วนใหญ่ 80%) มีความเห็นว่า การกินดีอยู่ดีจะช่วยให้สุขภาพดีและมีความสุข โดยชื่นชอบสินค้าที่ผลิตในอิตาลีและเริ่มหันมานิยมบริโภคอาหารเกษตรอินทรีย์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ร้อยละ 50 ของผู้บริโภคคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาซื้อในภาคเหนือของอิตาลีนาเริ่มนิยมบริโภคน้ำผลไม้มากขึ้น ในขณะที่ในภาคใต้เริ่มบริโภคน้ำหวานเพิ่มขึ้น การบริโภคน้ำที่ผลิตจากผลไม้ (fruit-based drink) และนาผลไม้เป็นไปตามฤดูกาลแต่มีการบริโภคน้ำหวานตลอดทั้งปีเด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักสาหรับน้ำผลไม้ แต่ได้มีการขยายกลุ่มตลาดไปสู่การพัฒนาที่ผลิตจากผลไม้และผลิตภัณฑ์ฟังก์ชั่นมากขึ้นเพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ มีการสร้างความแตกต่างของรสชาติให้มากยิ่งขึ้น แต่น้ำส้ม น้ำลูกแพร์ น้ำลูกพีช และน้ำผลไม้ผสมยังคงเป็นที่นิยมอยู่ 2 ใน 3 ของการบริโภคแนวโน้มการบริโภคน้ำผลไม้นำไปสู่ความหมายแฝงในเรื่องการรักษาสุขภาพด้วย
ความต้องการด้านอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมนาผลไม้ให้ความสาคัญต่อ end user และน้ำผลไม้เข้มข้นมากที่สุดมีเพียงบางส่วน (ประมาณร้อยละ 5) ของน้ำผลไม้เข้มข้นที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตไอศครีมและเบเกอรี่ กฎระเบียบการน้ำเข้าการส่งออกผลไม้แปรรูปจากไทยมายังอิตาลีจะต้องมีเอกสารประกอบดังนี้
1. ใบรับรองด้านสุขอนามัยที่ออกโดยหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตของไทย
2. ใบรับรองแหล่งกาเนิด
3. Bill of Landing
4. Packing List 5. ใบแจ้งหนี้ (invoice)
การเจาะตลาดอิตาลี
ควรติดต่อกับผู้นาเข้าโดยตรง (รายชื่อผู้นำเข้าดังแนบ) ตามสถิติพบว่าผลไม้แปรรูปไทยมีโอกาสและลู่ทางสูงในตลาดอิตาลี ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ผลิตผักผลไม้แปรรูปอันดับต้นๆ ในเอเชียโดยเฉพาะน้ำสัปปะรด
วิเคราะห์ SWOT Analysis
S (จุดเด่นหรือจุดแข็ง)
• ความสะดวกสบายในการรับประทานซึ่งเราสามารถทานเมื่อไรก็ได้ไม่ต้องมากลัวว่าจะเสียเก็บไว้ได้นานและที่สำคัญสามารถทานนอกฤดูได้ไม่ต้องรอให้ผลไม้ออกตามฤดูการนำไปกินข้างนอกบ้านไดง่าย เช่น การออกไปปิกนิกนอกบ้าน
• บ้านชาวอิตาเลี่ยนนิยมบริโภคผักผลไม้กระป๋องแปรรูป อิตาลีบริโภคผักผลไม้กระป๋องและแปรรูป 76 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรป และเป็นผู้ผลิตผักผลไม้ดองที่ใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป ในส่วนการนำเข้าไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าวมายังอิตาลีเป็นอันดับแรกเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่นในประเทศแถบเอเชีย
W(จุดด้อยหรือจุดอ่อน)
• ความสดของผลไม้กระป๋องอาจไม่เท่ากับความสดของผลไม้จากสวนโดยตรงตัวกระป๋องทำจากอลูมิเนียมอาจมีสารตกค้างได้ถ้าเก็บไว้นานเกินไป
O (โอกาศ)
• พยายามสร้างรสชาติที่แตกต่างกันกับคู่แข่งขันเพื่อเพิ่มตลาดผู้บริโภคนาผลไม้จากเขตร้อน
T (อุปสรรค)
• ชาวอิตาลีเป็นผู้ผลิตรายใหญ่สินค้าน้ำผลไม้เข้มข้น
• ชาวอิตาลีนิยมบริโภคสินค้าภายในประเทศ
ที่มา : สำนักส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ณ กรุงโรม
เวบไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://ethaitrade.com/2010/export-watch/